top of page

Shimo สุดยอดคนสร้างอูคูเลเล่แดนอาทิตย์อุทัย


ครั้งแรกที่ผมได้เห็นอูคูเลเล่ของ Shimo คือเมื่อสักราว 9 ปีก่อน จากการเปิดอ่านนิตยสารอูคูเลเล่ Ukulele Magazine ของญี่ปุ่น แล้วเห็นอูคูเลเล่ของ ชิโมะ เป็นครั้งแรก ผมจำได้ว่าแค่เห็นโลโก้ผมก็ชอบแล้ว เพราะรูปแบบตัวหนังสือที่ใช้มันดูแนวๆ มีความฟั๊งกี้นิดๆ แถมรูปร่างของอูคูเลเล่ก็มีความพิเศษ แปลกตาไปในทางที่ดี ยิ่งมาดูราคา อือฮือ ราคาเขาไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะจัดเป็นอูคูเลเล่ที่แพงที่สุดในนิตยสารเล่มนั้นตัวนึงเลยทีเดียวครับ จนเวลาผ่านมา ผมซึ่งได้มาทำตัวพัวพันกับวงการอูคูเลเล่ญี่ปุ่น เนื่องจากหลงใหลในความปราณีตสูงของงานและเสียงที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ในที่สุดผมก็ได้พบกับ Shimo ตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเป็นการพบกันตามงาน เดินผ่านทักทายกันอยู่เสมอมา หรืออาจจะมีสั่งอูคูเลเล่เขาบ้าง แล้วเขาก็ส่งมาให้ ไม่ได้เจอกันจะๆ จังๆ นานๆ สักครั้ง จนมาครั้งนี้ ผมได้ฤกษ์ไปหาเขาถึงที่บ้านเลย

ชิโมะ บอกผมว่าจะให้ไปหาที่ชินจุกุไหม ผมบอกไม่เอาดีกว่า ผมขอเป็นผู้ไปเยือนเขาจะดีกว่า เนื่องจากเขาเป็นผู้สร้างระดับอาวุโสของวงการอูคูเลเล่ญี่ปุ่น และอยู่ไม่ไกลมากนัก น่าจะไปหาเขาเองมากกว่า จึงเป็นเหตุให้ผมกระโดดขึ้นรถไฟ มุ่งหน้าไปชานเมืองโตเกียว Kichioji ใช้เวลา 50 นาทีก็ถึง เมื่อถึงก็พบกับ Shimo ผู้ใหญ่ที่มีความแนวสูง เขามากับรถโฟล์คเต่ารุ่นล่าสุดสีฟ้าพาสเทล ข้างในรถคอลโซลและเบาะก็ขลิบด้วยสีฟ้าพาสเทล แถมมีหลังคากระจก พร้อมแจกันประดับดอกไม่สีสด ทำให้แค่นี้ก็รู้เลยว่าชายคนนี้ นอกจากแนวแล้วยังมีความสุนทรีย์และรสนิยมถูกจริตผมยิ่งนัก Shim บอกว่า เขาไม่เคยขับรถยี่ห้ออื่นเลย ตั้งแต่เริ่มขับ เขาก็ใช้แต่รถโฟล์ค และนี่คือคันล่าสุดของเขา เราขับกันไปประมาณ 20 นาที ก็มาถึงบ้านที่ใช้เป็นที่สร้างอูคูเลเล่ในตำนานของญี่ปุ่นด้วย เขาบอกมาก่อนว่าสถานที่เขาเล็กๆ นะ แต่ผมว่าไม่ว่าเขาจะพาผมไปที่แบบไหน ถ้ามันคือที่ๆ เขาใช้มันสร้างอูคูเลเล่ นั่นคือสถานที่อันยิ่งใหญ่สำหรับผม

บริเวณหน้าบ้านของ Shimo ซึ่งทางเข้าคือประตูสีมืดๆ เล็กๆ ที่ต้องเดินขึ้นบันไดสองขั้นขึ้นไป เมื่อเข้าไปจะพบผ้าที่ขึงอยู่เหนือหัวแบบญี่ปุ่น มุดผ่านไปจะพบทางเดินมุ่งหน้าไปสู่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่สร้างอูคูเลเล่ของเขา คู่รักของเขารอต้อนรับอยู่ด้านใน นำขนมและกาแฟมาให้ทาน แกคงจะสังเกตุเห็นว่าตาผมและอภิรักษ์ลุกวาวมองไปรอบๆ ห้อง คล้ายเด็กเข้าร้านของเล่น เลยเอ่ยปากบอกว่าสามารถถ่ายรูปได้ ได้ยินเท่านั้น ผมก็ถ่ายไม่ยั้งเลย และด้านล่างนี้คือภาพบรรยากาศบางส่วนของที่ๆ ปรมาจารย์ Shimo ใช้ทำงานครับ

ถ้าดูจากภาพข้างบน จะเห็นว่าอูคูเลเล่ของเขา ไม่ได้มีรูปร่างเหมือนอูคูเลเล่ทั่วไป ผมจะเล่าให้ฟังครับ คือจริงๆ แล้วเขาสร้างอูคูเลเล่ทุกรูปแบบครับ จะเป็นแบบทรงปกติก็ได้ หรือจะเป็นทรงพิเศษก็ทำ ซึ่งจากที่ผมได้ลองตัวที่เขาทำแบบ Kamaka ก็พบว่าสุ้มเสียงมันออกมาเป็น Kamaka เลยทีเดียว ส่วนหมัดเด็ดเขาเห็นทีจะเป็นทรงแบบภาพข้างบน ที่มันมีความมน มีความเป็นเมฆ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสามแบบ คือแบบก้อนเมฆ แบบคล้านเทเลแคสเตอร์แต่มีความมน และอีกแบบที่คล้ายแบบที่สองแต่ซาวด์โฮลเป็นวงรี ซึ่งยังไงก็ตาม ชิโมะ ได้บอกผมว่า มีคนสร้างอูคูเลเล่เทพๆ ที่ญี่ปุ่นมากมาย ส่วนใหญ่เวลาพวกเขาทำชิ้นส่วนต่างๆ เช่นบริดจ์ เขาจะสร้างเก็บไว้ทำกันทีละ 30-40 อัน เพื่อใช้ในอนาคต ทว่าสำหรับ Shimo เขาทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะอูคูเลเล่ที่ทำทุกตัวไม่เหมือนกันเลย จึงต้องสร้างพาร์ทต่างๆ ทีละอันๆ เพื่อมาใช้อย่างเฉพาะเจาะจงกับตัวนั้นๆ

Shimo ได้ให้ชมกรรมวิธีการผลิตคออูคูเลเล่ ที่มช้มือของเขาทำล้วนๆ ไม่ได้ใช้เครื่อง CNC (เครื่องตัดไม้ให้เป็นรูปร่างอัตโนมัติ) ช่วยแต่อย่างใด แต่จะค่อยๆ ขุด ค่อยๆ แกะ จากท่อนไม้ดุ้นโตดังภาพ ให้กลายเป็นคออูคูเลเล่ที่จับรูดลื่นสบายมือ การทำแบบนี้ต้องใช้ความปราณีตและความอดทนสูง ซึ่ง Shimo นี้ได้ไปร่ำเรียนเคล็ดวิชามาจากกูรูที่สหรัฐอเมริกาในยุค 80's ปัจจุบันศิษย์สำนักเดียวกัน ต่างเติบโตไปเป็นผู้สร้างกีตาร์แถวหน้าของโลกกันไปหมดแล้ว และเขาก็เช่นกันที่ถือเป็นคนสร้างอูคูเลเล่ที่ขลังที่สุดของญี่ปุ่น

นอกจาก Shimo จะสร้างอูคูเลเล่แล้ว เขายังสร้างกีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้า และ แมนโดลินด้วย โดยแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันเลย และนอกจากสร้างเครื่องดนตรีแล้ว เขายังเป็นอาสาสมัครช่วยพาเด็กนักเรียนข้ามถนนเวลาเลิกเรียนด้วย ถ้าใครเป็นเพื่อนเฟสบุ๊คเขา จะเห็นเขามักโพสต์ภาพตัวเองในชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยโบกให้เด็กข้ามถนนอยู่บ่อยๆ และนั่นคือความสุขของเขา ที่คืนให้กับสังคมโดยไม่ได้ต้องการอะไร มันคือความสุนทรีย์ทางจิตใจของคนสร้างอูคูเลเล่

ยิ่งรู้จักก็ยิ่งพบว่า Shimo เป็นคนที่ละเอียดอ่อนและใจเย็นมาก ส่วนหนึ่งผมทราบได้จากเจ้าหมาตัวนี้ เรื่องของเรื่องคือผมเหลือบไปเห็นเครื่องฟังหัวใจแบบที่หมอใช้กัน วางอยู่บนชั้นเครื่องมือของเขา ผมเลยถามว่านี่เขาใช้มันฟังเสียงไม้แบบนี้หรือ เขาหัวเราะแล้วบอกไม่ใช่ อันนี้ไว้ฟังเสียงหัวใจหมา เพราะมันนอนอย่างเดียวไม่ขยับ! เขาเล่าอย่างมีความสุขว่าหมาทุกตัวของเขา จะเอาชื่อขนมญี่ปุ่นมาตั้งเป็นชื่อ และเจ้าเทอเรียตัวนี้ก็เช่นกัน (แต่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว) ผมอยากรู้ว่าทำไมมันนอนเฉยๆ เลยถามว่าทำไมมันไม่ลุกขึ้นมา เขาบอกว่ามันนอนแบบนี้มานานแล้ว เพราะมันแก่มากแล้ว อายุ 17 ปี และไม่สามารถเดินไปไหนได้ มันจะนอนอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลาแบบนี้ ซึ่งแบบนี้ถ้าเป็นบางที่ จากประสบการณ์ผมเห็นเจ้าของมักจะนำไปฉีดยา โดยอ้างว่าลดความทรมาน เป็นการุณฆาตร แต่สำหรับ ชิโมะ เขาไม่ทิ้งเพื่อนรักของเขา เขาจะดูแลมันไปถึงที่สุด ผมถามเขาว่าแล้วมันกินข้าวยังไง เขาบอกเขาก็ค่อยๆ ป้อนมัน ขณะคุยกันเรื่องหมาอยู่ เจ้าหมาก็ผงกหัวขึ้นมามอง ชิโมะหยุดคุยแล้วรีบผละตัวไปอุ้มมันขึ้นมา แล้วกล่าวขอตัว มันผงกหัวขึ้นมาแปลว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ อุ้มมันขึ้นมาแล้วพาไปทำธุระส่วนตัว ผมนั่งดูแล้วพบว่าเขาช่างเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีย์จริงๆ อยู่ใกล้ๆ คนแบบนี้ มีแต่จะได้ความอบอุ่นในหัวใจ เงินทองอะไรมากมาย ผมว่าสู้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ครับ เพราะมันซื้อไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงเอาไปปล่อยหรือทิ้งไปแล้ว แต่เขาไม่ เขาดูแลมันดั่งของมีค่า และนี่คือคนที่ผมอยากให้สร้างอูคูเลเล่ให้ครับ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเสาะหาไม้ดีๆ หายากๆ ไว้มากมาย Shimo ค่อยๆ นำไม้ต่างๆมาให้ชม สำหรับในภาพคือไม้ Brazillian Rosewood ซึ่งจัดเป็นไม้ล้ำค่าราคาสูง ที่หายากและเป็นที่ต้องการมาก สำหรับคนกีตาร์ คนอูคูเลเล่ เห็นไม้นี้แล้วหัวใจจะวาย นอกจากคุณสมบัติของมันจะให้สุ้มเสียงที่ไพเพราะแล้ว ความสวยงามของไม้ชนิดนี้ก็ถือเป็นที่หนึ่ง ยิ่งถ้านำไปเคลือบทำฟินิชชิ่งแล้ว มันจะออกมาสวยกว่าแบบด้านๆ ที่เห็นนี้นัก และที่สำคัญไม้ชนิดนี้ประหลาด มันมีกลิ่นหอมคล้ายวานิลลาน่าดอมดมด้วย แล้วพอเห็นวางอย่างละลานตาแบบนี้ ผมก็ถึงกับหัวใจจะวาย

แค่นั้นยังพิเศษไม่พอ Shimo ไปนำไม่ที่หายากเข้าไปอีกมาให้ชม นั่นคือไม้อะไรผมจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่เขาบอกแปลความหมายของไม้ชนิดนี้ว่า ไม้มดเดิน ด้วยลวดลายที่คล้ายเป็นทางเดินของมด มันจึงมีชื่อแบบนี้ และมีราคาสูงมาก ในภาพคือภาพแรกและภาพที่สามนะครับ เขากำลังเทียบให้ดูว่าไม้นี้ ถ้าเอามาทำอูคูเลเล่ จะสร้างได้ถึงสองตัวด้วยกัน ส่วนภาพกลางคือไม้ Snake Wood ลายพร้อย แรร์ไอเท็ม ที่เขานำมาทำ binding รอบตัวอูคูเลเล่คัสตอมของเขา

ไม้ทางเดินของมด ในขณะที่ลองนำมาเทียบว่าสามารถสร้างอูคูเลเล่ได้กี่ตัว สรุปไม้แผ่นนี้สามารถสร้างได้สองตัว แล้วจะไม่มีอีกต่อไป ผมเลยสั่งไปก่อนเลยหนึ่งตัวเป็นที่เรียบร้อยครับ

Shimo เอาอูคูเลเล่ที่เขานำเทคนิค outlay มาทำ ซึ่งตามปกติเราจะเห็นกันแต่ inlay ซึ่งความแตกต่างก็คือ อินเลย์จะฝังมุกลงไปเหมือนภาพปลาที่เห็น ส่วนเอาท์เลย์ก็จะนูนออกมาเหมือนโลโก้ชิโมะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นใครทำเอาท์เลย์นัก เคยผ่านตามาบ้างของแบรนด์อะไรจำไม่ได้ตามร้านเครื่องดนตรี แต่ไม่ได้ถ่ายมา ได้มาเห็นอีกทีก็เลยนำมาให้ชมกันครับ มันก็สวยไปอีกแบบ

นี่คือหอยมุกที่ ชิโมะ ใช้ทำอินเลย์ ตัวนึงจะออกสีคล้ำๆ อีกตัวจะออกสีขาวๆ ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นมีรอยวาดภาพปลาด้วย เขาใช้เปลือกหอยสองอันนี้เท่านั้นสำหรับงานอินเลย์ แม้อินเลย์ของเขาจะไม่ได้หลากหลายสี แต่ถ้ามาดูภาพรวมแล้ว อูคูเลเล่เขาทำออกมาอลังการโดยไม่ต้องเน้นอินเลย์หรอกครับ แค่ที่เป็นนี่ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ทั้งสัมผัส เสียง และหน้าตา

ผมได้นำอูคูเลเล่ตัวเกลี้ยงๆ ที่ไม่ได้มีตกแต่งอะไรตัวนี้มาเล่น มันทำด้วยไม้มาฮอกกานี ไม่มี binding หรือ purfling อะไร แต่ได้เล่นแล้วรู้สึกล้ำค่ามาก เพราะเสียงมันก้องกังวาล ฟังแล้วตกใจ ว่าอูคูเลเล่ตัวแค่นี้ ทำไมเสียงดีได้ปานนี้กัน ในภาพนี้จะเห็นคืออูคูเลเล่มาฮอกกานี ที่เป็นอะไรที่เบสิคที่สุด ทว่าเล่นแล้วฟินเฟว่อ ส่วนความพิเศษของอูคูเลเล่ที่ชิโมะทำอีกอย่าง นั่นคือในซาวด์โฮลที่ปกติจะติดฉลากชื่อแบรนด์กัน ของชิโมะจะติดภาพวาดด้วยดินสอที่เขาวาดเอง เป็นภาพวิวทิวทัศน์จากฮาวายที่เขาชอบ แต่ละตัววาดไม่เหมือนกัน ถือเป็นความคัสตอมที่คัสตอมเมดรายอื่นไม่ได้ทำ หาได้จาก Shimo เท่านั้นครับ

ชิโมะเป็นคนไม่กั๊ก เขาเล่าให้ฟังหมดว่าเขาทำอะไรอย่างไร และใช้อะไรทำ ภาพแรกเขาเปิดกรุไม้มะม่วงให้ผมดู พร้อมบอกด้วยว่า ถ้าสร้างอูคูเลเล่ไม้มะม่วง ทั้งตัวจะใช้มะม่วงทำ ไม่ว่าจะเป็นตัว คอ หรือหัว ต่างจากหลายรายที่จะนิยมใช้ไม้มาฮอกกานีมาทำคอ เพราะมันราคาเบากว่า สำหรับ Shimo ไม่ ถ้าใช้ไม้อะไร คอก็จะไม้นั้น เช่นถ้าเลือก Koa ทั้งตัวก็จะเป็น Koa ถ้าเป็น Brazillian Rosewood ทั้งตัวก็สามารถทำให้เป็น Brazillian Rosewood ทั้งตัวเช่นกัน ซึ่งผมลองแล้ว มันหนักอึ้งเลย แต่เสียงดีทีเดียวครับ ถาพต่อมาเขานำกีตาร์ Archtop ที่เขายังสร้างไม่เสร็จมาให้ชม เขาบอกว่าตัวนี้น่าจะเป็นตัวเดียวในชีวิต เป็นระดับมาสเตอร์พีซ เพราะทำมานานแล้ว นั่งเหลานั่งทำไปให้มันโค้ง เขาไม่รีบ และจะทำเมื่อมีเวลาทำ เขาบอกผมด้วยว่าเวลาทำกีตาร์ไฟฟ้า เขาไม่อยากนำปิ๊กอัพที่คนอื่นทำ มาใส่ในกีตาร์ของเขา เพราะมันจะกลายเป็นกีตาร์ชิโมะที่ส่งเสียงจากปิ๊กอัพใครก็ไม่รู้ เขาจึงเป็นคนพันลวด สร้างปิ๊กอัพขึ้นเองด้วย เพื่อให้ทุกอย่างเป็นตัวตนของเขาจริงๆ ภาพต่อมาคือ ชิโมะ กับอภิรักษ์ ศิลปินไทย ที่ชิโมะถามว่าสนใจมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเขาไหม แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะอภิรักษ์ใช้ Kamaka อยู่ และคงต้องใช้ไปอีกระยะ ทว่าจิตใจของอภิรักษ์นั้น ผมเชื่อว่าตอนนี้หายใจเข้าของเป็นชิโมะไปแล้ว ภาพสุดท้ายคือนาทีที่ชิโมะชวนผมมาดูไม้ในฝันของเขา ที่เขาอยากนำมาสร้างอูคูเลเล่ให้ได้ มันจะเป็นไม้เพียงชิ้นเดียวที่มี และสร้างได้เพียงตัวเดียว แน่นอนมันราคาสูงกว่าทุกตัวที่เราเคยสัมผัสกันมา แต่เขาบอกผมด้วยดวงตาลุกโชนว่า ไม้นี้ยังไม่เคยสร้าง แต่เขาอยากเอามันมาสร้างอูคูเลเล่ดีๆ สักตัวจริงๆ มันอาจจะเป็นการพนัน ว่าเสียงจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ผมเชื่อเลยว่าถ้า ชิโมะ เป็นคนทำ อูคูเลเล่นั้นต้องออกมาเจ๋งแน่ๆ อย่างมิต้องสงสัย

สำหรับกล่องใส่อูคูเลเล่ของเขานั้น แต่ละตัวก็แต่ละกล่อง ต่างรูปร่าง ต่างขนาดกันไป นี่สิครับโคตรคัสตอม เช่นเดียวกับตัวนี้ที่ผมไปรับกลับมา กล่องมันมีรูปร่างเหมือนตัวอูคูเลเล่ข้างใน มีสีเขียวสวยประดับด้วยโลโก้เรียบแต่ฟั๊งกี้ที่ผมชอบมากๆ ซึ่งก็ต้องบอกอีกทีซ้ำๆ ว่า อือฮือ นี่มันคัสตอมจริงจังเลย ผมผ่านคัสตอมมาหลายตัว ร้อยพ่อพันแม่ แต่นี่คือรายเดียวที่ต่อกล่องตามตัวด้วย

นี่คืออูคูเลเล่คัสตอมที่ผมไปรับกลับด้วย ใช้เวลาในการสั่งทำนาน 2 ปี เป็นไม้หน้า Spruce ไม้ข้างและหลัง African Blackwood แบบที่มี sapwood สวยงามและหาไม่ได้อีกง่ายๆ อูคูเลเล่ตัวนี้ แค่ได้กรีดนิ้วลงไป ก็ต้องอุทานออกมาใส่กันว่า 7K มันช่างสุดยอดจริงๆ จะเรื่องเสียงที่หวาน ใส นุ่ม ลึก กังวาล แบบ 3D หรือจะเป็นสัมผัสนุ่มและลื่นมือเวลาเล่น และดีไซน์ที่มีสไตล์ ไม่มากไปและไม่น้อยไป แต่แสดงถึงรสนิยมที่ลงตัว ทุกอย่างมีอยู่ครบครับใน Shimo ครับ

นี่คือ Shimo อูคูเลเล่ที่ผมใช้เวลารอถึง 2 ปี แน่นอนมันไม่ใช่ของผมหรอกครับ แต่เจ้าของเขาไม่ประสงค์จะออกนาม ความปราณีตที่ผมชอบมากคือไม้ Snake wood ที่ใช้เป็น Binding วิ่งไปตลอดตัว และ sapwood ของ African blackwood ที่มีสเน่ห์ไม่เหมือนใครด้วยสีที่ตัดกันเองในตัวของมันโดยธรรมชาติ ความแลดูนุ่มนิ่มของเส้นสายหัวของอูคูเลเล่ตัวนี้ก็เป็นอีกสเน่ห์ที่ยากจะละสายตาไปจากมันได้ แต่ที่สำคัญคือถ้าได้หยิบขึ้นมาเล่น ในห้องเงียบๆ ไร้เสียงรบกวนแล้ว มันคือความฟินที่ยากจะบรรยายได้ ต้องมาสัมผัสจึงจะเข้าใจครับ

การได้มาเยือนบ้านของ Shimo ในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติอย่างสูง และผมเชื่อว่าผมและอภิรักษ์น่าจะเป็นคนไทยแค่สองคนจาก 70 ล้านคน ที่ได้ไปเหยียบสำนักอูคูเลเล่แห่งนี้ นอกจากจะประทับใจในอูคูเลเล่และบ้านของเขาแล้ว ชิโมะ ยังพาพวกเราไปทานโซบะขึ้นชื่อ และไหว้พระขอพร พร้อมสร้างเครื่องรางชิ้นใหญ่ ให้ผมนำกลับเมืองไทยด้วย เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อธุรกิจ ผมต้องขอขอบคุณ ชิโมะ และ คู่รักของเขามากๆ ที่ดูแลต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น และทำให้โลกทัศน์ในเรื่องอูคูเลเล่ของผมเปิดกว้างไปอีกกว้างไกล ขอขอบคุณครับ Thank you so much Shimo-san. We had a wonderful time at your place and hope to visit you again soon :)

Follow Us
  • Twitter Basic Black
  • Facebook Basic Black
  • Google+ Basic Black
Recent Posts
bottom of page