top of page

ญี่ปุ่นวันเดียว โตเกียว ไปเช้าค่ำกลับ!

ถูกต้องแล้วครับ ผมไปญี่ปุ่นแบบวันเดียวไม่ค้างคืน จะให้ตรงๆ คือไปโตเกียวเช้าไปค่ำกลับนั่นแหละครับ ขอบอกก่อนว่าไม่ได้เพี้ยนหรืออะไร แต่พอดีผมพาทีมงานริบบี (ที่ๆ มีแต่อูคูเลเล่ดีๆ) ไปดูงานและศึกษาการสอนอูคูเลเล่ที่ฮาวาย แล้วต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่โตเกียว ซึ่งจริงๆ รอเปลี่ยนเครื่องไม่นานก็ได้ แต่ผมคิดว่ามาทั้งที ต้องให้ทีมงานเราหูตากว้างไกล ได้สัมผัสกับญี่ปุ่นไม่ใช่แค่สนามบิน ออกไปลุยกันข้างนอกเลยดีกว่า โดยนอกจากพาเที่ยวแล้ว ผมยังพาไปดูว่าร้านอูคูเลเล่ที่นั่น เขาทำงานกันอย่างไร มีอะไรขาย จัดของแบบไหน กลิ่นเป็นอย่างไร คนขายมีประสิทธิภาพแค่ไหน เพื่อนำมาพัฒนา ริบบี ของเราให้ดีที่สุด โดยใช้เวลาตั้งแต่เช้าตรู่ยันมิดไนท์ จากนั้นนั่งเครื่องต่อไปฮาวาย มาดูกันครับว่าวันนึง เราทำอะไรได้แค่ไหนบ้าง

เราลงที่ฮาเนดะ ทำให้การเข้ามาเที่ยวทำได้ง่ายๆ เพราะสนามบินนี้ตั้งอยู่ในโตเกียว นั่งรถไฟแป๊บเดียวก็ถึงเมือง และก็ตามเคย ผมเลือกพาทีมงานไปที่ๆ มันไม่ปิด สำหรับคราวนี้เป็นที่ๆเปิดเช้าที่สุด เช้ากว่าการมาถึงของเรา นั่นคือตลาดปลา Tsukiji อันขึ้นชื่อของโตเกียว ที่นี่ตอนเช้าตรู่เขามีประมูลปลากัน สามารถมายืนรอต่อคิวเข้าชมได้หากมาทัน แต่พวกผมมากันตอนแถวๆ เจ็ดโมงเช้า เรียกว่าสายไปแล้ว แต่ก็สามารถเดินชมบริเวณได้ แต่จุดหมายหลักของการมาที่นี่คือ มาทานซุชิอย่างดีเป็นอาหารเช้า ร้านซุชิที่นี่มีคนต่อคิวรอทานยาวเหยียด เพื่อนญี่ปุ่นผมบอกว่าที่เห็นมีแต่นักท่องเที่ยว คนญี่ปุ่นเขาไปทานที่อื่นกัน แต่ผมมากับนักท่องเที่ยวนี่นา ก็เลยเลือกพากันไปกินร้านซุชิที่ตั้งอยู่ในตลาด แต่ขี้เกียจไปต่อแถว เลยเลือกร้านข้างๆ ที่เข้าท่าเหมือนกัน ต่างตรงคิวสั้น ร้านแถวนี้มีที่นั่งแค่เคาท์เตอร์รอบเชฟ น่าจะประมาณ 10 ที่เห็นจะได้ ผมไม่ได้ถ่ายภาพในร้านมาเพราะเขาไม่ให้ถ่าย แต่ผมแอบถ่ายมาได้บ้าง เราสั่งแบบเซ็ทมากินเหมือนกันทุกคน เลือกเอาอันราคากลางมา สด อร่อยเหาะครับ ลองชมดูครับ

เชฟเขาจะปั้นทีละชิ้น ตาชำเลืองมองดู พอเราทานหมด เขาก็กะเวลาใหเชิ้นต่อไปมาถึงพอดี ส่วนการกินควรกินคำเดียวหมดเลย นอกจากจะถูกต้องตามวิธีแล้ว ยังจะได้ลิ้มรสปลาสดๆ เต็มๆ คำโตๆ กร้วมๆใหสุขกึ๋นกันไป ถ้าใครกินตามเซ็ทไม่อิ่ม ก็สั่งทีละคำได้เลย เขาพร้อมทำให้อยู่แล้ว ร้านนี้กินไปสังเกตุไป มีแต่นักท่องเที่ยวทั้งนั้น คนญี่ปุ่นไม่มีมากินกัน

เมื่ออิ่มท้องแล้ว เราออกไปเดินเล่นตลาดด้านนอก มีร้านซุชิ ร้านอาหารข้างทาง ร้านขายของทะเลสดอีกเพียบ แต่มาเดินตอนอิ่มก็ได้แค่ชมไปก่อน ถ้าตามปกติ ผมจะชอบมาที่ตรงนี้ เดินไปกินไป ร้านละนิด เคยทำสถิติกินกับศิลปินฮาวาย ล่อไป 5 ร้าน พุงแทบแตก แต่สะใจในปลาดิบครับเราเดินไปเดินมาจนได้เวลา ผมก็พาทุกคนไปยังจุดหมายต่อไป แน่นอนมันต้องเป็นที่ๆ เปิดเสมอ เพราะยังเช้าอยู่ ป้ายต่อไป Asakusa ครับ

ที่ๆ มือใหม่ญี่ปุ่นต้องมา วัดเซนโซจิแห่ง Asakusa ที่แห่งนี้ หากผมไม่ได้มาคนเดียว จะมีอันต้องมาทุกครั้งไป บางทีมาเองยังได้มา เพราะถ้าถึงโตเกียวเช้า ผมก็หาเวลามาไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่นี่ ตักน้ำมนต์ กวักควันธูปโยนเหรียญทำบุญ แล้วหาอะไรกินเล่น ทุกทีไป

ถ้ามาที่นี่เช้าๆ ถนนนาคามิเซะ ถนนในที่ทอดยาวสู่ตัววัดจะไม่ค่อยแน่น เพราะร้านรวงยังไม่เปิดกันสักเท่าไหร่ แต่ถึงร้นไม่เปิด เราก็เพลิดเพลินกับลวดลายบนประตูเหล็กเลื่อนที่ปิดอยู่ของแต่ละร้านได้ เขาลงลายญี่ปุ่นๆเอาไว้ ต่างร้านก็ต่างลาย แลดูสวยงามมากจนอยากให้ปิดให้หมด จะได้เห็นว่ามีภาพอะไรบ้าง ถนนนี้ผมเคยมาครั้งแรก 10 กว่าขวบ จำได้แม่นว่ามาได้เกมส์จั๊มเวิลด์ หรือ ฮีโร่เร็ทสึเดน ของแฟมิค่อมที่นี่ แปลกจริงร้านเกมส์ไม่เห็นมีเลยสมัยนี้แถวนี้

อากาศช่วงนั้นหนาวกำลังดี นักเรียนยังสวมชุดฤดูหนาวกันอยู่

เพื่อให้คุ้มค่า ผมชักชวนทุกคนหันไปทางขวา เพื่อให้ได้เห็นโตเกียวสกายทรีด้วยตาของตัวเอง อันนี้คือสุดโคตรชำเลืองทัวร์ของแท้ ยิ่งกว่าชะโงกทัวร์ครับ

ประตูด้านใน ตอนเช้าคนน้อยจริงๆ ครับ ถ้าเทียบกับตอนสาย จะต่างกันมากๆ เพราะจะมีทัวร์ทุกรูปแบบมาลง คนเยอะกว่านี้หลายเท่านัก พวกผมมาคราวนี้ก็เดินกันชิลเลย ไม่ต้องรีบร้อนอะไร เวลาน่าจะเก้าโมงเช้าได้ ณ ตอนที่ถ่ายภาพนี้

ครูบอลแห่งริบบีสวนกระแสด้วยการชวนนักเรียนชายมาถ่ายภาพ จะได้แลดูไม่หื่น แต่ผมคิดว่ามันออกแนวโรคจิตไปอีกแบบนะครับนี่

จากนั้นเราไปสวนอุเอะโนะครับ ช่วงนั้นใบไม้เปลี่ยนสีพอดี เราไม่ได้ตั้งใจจะไปชม แต่ก็ได้เห็นความสวยงามของโตเกียวในอีกรูปแบบหนึ่ง

มาถึงจุดนี้ ทีมงานเริ่มเหนื่อย เพราะเดินเยอะมาก ผมพามาสวนแต่พี่แกทั้งสองเลือกนั่งชมแทน สรุปมาถึงญี่ปุ่นได้ 4 ชั่วโมง ไปเยือนมาแล้ว 3 สถานที่ท่องเที่ยวเด็ดของโตเกียว

ดูเหมือนจะมีแค่ผมที่อินกับใบไม้เปลี่ยนสี เราเลยมาที่อุเอะโนะแค่ไม่นาน เพราะเมื่อเวลาร้านรวงเปิด จากที่นี่ผมจะพาทีมงานไป Ochanomizu ย่านร้านดนตรีของโตเกียว

มาที่ Ochanomizu เดินเข้าออกร้านดนตรีหลายร้าน แต่ละร้านหลายชั้น ละลานตากันไปอย่างฉ่ำปอด ถ้าใครรักดนตรีและเล่นดนตรี มาที่นี่เหมือนได้เข้าสวนสนุก สนุกมิรู้ลืมครับ และการมาที่นี่ทุกครั้ง ผมจะต้องแวะไปที่ร้านที่ทำห้ผมเกิดแรงบันดาลใจ มาเปิดร้านอูคูเลเล่ในไทย นั่นคือร้านนี้ครับ Shimokura ผมสอยอูคูเลเล่ตัวแรกก็จากที่นี่นี่แหละ

จาก Ochanomizu เราย้ายไป Shibuya พาเดินข้าม 5 แยกในตำนาน แวะเยี่ยมอนุสาวรีย์ฮาจิโกะหมายอดกตัญญู ซึ่งเป็นที่สูบบุหรี่ของละแวกนั้นด้วย ใครอยากไปดูรูปปั้นหมา ต้องฝ่าสิงห์อมควันเข้าไป ถ้าหมาแพ้ควันบุหรี่ วิญญาณมันคงเซ็งอย่างแรงครับ

ที่ Shibuya นี่ก็มีร้านเครื่องดนตรีเจ๋งๆ เยอะ ไม่ว่าจะเป็น G Club ของ Kurozawa หรือ Heartman Guitar ของ Ikebe และร้านอื่นๆ อีกเต็มไปหมด เนื่องจากเวลาไม่มาก ผมเลือกพาทีมงานมาร้าน Heartman Guitar แต่เรามาดูอูคูเลเล่เจ๋งๆ ของที่นี่กัน ของเขาเยอะแค่ไหน โปรดดูการวางของเราครับ

ข้อดีของร้านเครื่องดนตรีที่ญี่ปุ่นคือ นอกจากจะมีแต่ขอดีจำนวนมากแล้ว ยังสามารถลองเล่นได้ด้วย ตราบใดที่ผู้เล่น เล่นทะนุถนอม เขาก็ให้ลองไปเรื่อยๆ ที่สำคัญร้านนี้หลังจากการไปเยือนในภาพ ผมเริ่มทำการค้าด้วยและเริ่มมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันตลอดมา พอเสร็จจากจุดนี้ เวลาผ่านไปถึงบ่ายสองได้ ผมเลยเคลื่อนขบวนกันไปต่อที่ฮาราจูกุกัน

มาฮาราจูกุ เรามากินอาหารกลางวันกันที่ร้านราเมง Jangara นอกจากรสเด็ดขาดแล้ว ยังมีเมนูภาษาไทยด้วยอีกต่างหาก

นี่คือหน้าตาของจังการา กินแล้วไม่มีกังขา และไม่ต้องยืนจังก้า เพราะมันจะทำให้คุณอิ่มไปยาว เนื่องจากชาวใหญ่ยักษ์มาก หลังจากกินราเมง เรายังไปต่อร้านขนมอีก เนื่องจากภรรยาของครูบอลเป็นเชฟทำขนมมือต้นๆ ของไทย เขาจึงต้องไปกินเพื่อถ่ายภาพส่งไปใหเเธอ

หน้าตาขนมที่ไปกินกัน หลังจากกินขนม เราเดินไปเดินมาที่ฮาราจูกุสักพัก แล้วเริ่มเคลื่อนทัพไปต่อยังชินจุกุครับ

เมื่อถึง Shinjuku ท้องฟ้าก็เข้าสู่โหมดรัตติกาล ที่นี่มีอะไรให้ชมมากมาย ส่วนมากหนักไปทางช๊อปปิ้ง มาถึงจุดนี้สรุปแล้วหนึ่งวันในโตเกียว พวกเราได้ไปมาทั้งหมด 7 ย่านด้วยกัน Tsukiji, Asakusa, Ueno, Ochanomizu, Shibuya, Harajuku และ Shinjuku แต่ละที่ไม่ได้ไปแบบแมวดม แต่ไปแบบได้สัมผัสจริงๆ (ถ้าแถมชำเลืองทัวร์ก็มีสกายทรีอีกหนึ่ง) ทีมงานมาถึงตอนนี้น่าจะเดินกันไปคนหลายสิบกิโลเมตร เพราะเช้าจรดค่ำ เราไม่ได้พักกันเลย แต่พวกเขาไปบอกใครๆ ได้เลยว่า มาถึงโตเกียวแล้ว

มื้อเช้ากินซุชิดีๆ ไปแล้ว ตอนค่ำผมชวนทีมงานลองซุชิสายพานกันบ้าง สำหรับมือเย็นเราไปฝากท้องที่ร้านซุชิง่ายๆ ถูกๆ ที่ชินจุกุ ก่อนจะนั่งรถไฟไปสนามบิน เพื่อนั่งๆ นอนๆ รอขึ้นเครื่องบินต่อไปฮาวายกัน เป็นการมาญี่ปุ่นที่สั้นมากๆ แต่ชนิดสั้นโคตรๆ ของผมเองเคยมีสั้นกว่านี้ แต่ไม่มีอะไรจะเล่า เพราะครั้งนั้น ผมตั้งใจผ่านตรวจคนเข้าเมืองออกมา เดินออกนอกสนามบิน แล้วเช็คกลับเข้าไปใหม่ทันที บ้าดีไหมครับ


Follow Us
  • Twitter Basic Black
  • Facebook Basic Black
  • Google+ Basic Black
Recent Posts
bottom of page