Kochi รอบแรกภาคหนึ่ง
ผมมีอันได้ไป Kochi เป็นครั้งแรกก็ตอนน้ำท่วมกทม.ครั้งใหญ่โน่น พอดี Kyas ศิลปินอูคูเลเล่ที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ Shikoku เพื่อนผมเอง เขานึกอยากจะจัดคอนเสิร์ตการกุศลขึ้น เพื่อหาเงินช่วยน้ำท่วมประเทศไทย พอดีกับที่โรงเรียนที่อยุธยา ที่บ้านเกิดพ่อผม ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พังไปทั้งแถบ ผมเลยแนะนำให้ Kyas เอาเงินทุกเยนที่ได้มา ไปให้โรงเรียนเขาใช้ซ่อมแซมส่วนที่พัง ซึ่งเขาก็ได้นำไปมอบให้ครูใหญ่แล้วด้วยตัวเอง แต่เรื่องที่จะเล่าคือการเดินทางในครั้งนั้นสู่ Kochi ดินแดนในเกาะใต้ของญี่ปุ่น ที่ซึ่งคนไทยไม่ค่อยไปแอ่วกัน
ถึงญี่ปุ่นแล้ว แต่ก่อนอื่นต้องมาเปลี่ยนเครื่องบินกันที่ Haneda เพื่อต่ออีกชั่วโมงครึ่งสู่ Ryoma International Airport สยามบินหนึ่งเดียวของ Kochi
มื้อแรกของผม ซัดกันง่ายๆ ที่ร้านซุชิสายพาน ทว่าร้านนี้ของสดมาก Kyas คุยกับคนที่ร้าน เขาบอกเรามาได้เวลาดีเลย เพราะที่นี่จะมีปลาเข้ามาสองรอบ รอบเช้ากับรอบสาย แต่ละรอบคือมาสดๆ ขึ้นจากทะเล (เมืองนี้ติดทะเล) เขาก็แนะนำว่ามีอะไรสด ใหม่บ้าง แล้วเราก็สั่งมันตามนั้น ผม ณ เวลานั้น ต่างจากเวลานี้มาก เพราะทริปที่เห็นนี่ คิดว่าจะเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 3-4 นี่แหละ ในขณะที่ตอนที่ผมเขียนนี้ น่าจะไปมาแล้ว 25 ครั้งขึ้นไปครับ ทำให้แค่สายพานผมก็ชิลแระ
อีกมุมหนึ่งของร้าน จะสังเกตุเห็นว่ากล้องที่ผมใช้ ก็กล้องแบบไม่ค่อยชัด ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าใช้กล้องอะไร แต่คุณภาพภาพมันต่างจากที่ใช้ในปัจจุบันมากมาย นี่แสดงว่าเวลาได้เปลี่ยนอะไรไปหลายอย่างเลย แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือความสัมพันธ์ที่ดีของผมกับเพื่อนๆ ที่ญี่ปุ่น
ครั้งที่ผมไปนี้ Kyas ยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่อง ผมก็พูดญี่ปุ่นไม่ได้ เราสนทนากันตามสภาพ แต่ก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคอะไร เมื่ออิ่มซุชิแล้ว เขาพาผมเดินไปตามทางนี้ จะไปไหนเดี๋ยวรู้กัน
ถึงแล้วครับทางเข้า ถ้าใครสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าที่นี่คืออะไร ดูตรงกลางรูปครับ มีปราสาทตั้งอยู่สูงๆ เล็กๆ นี่คือปราสาท Kochi หนึ่งในปราสาทออริจินัล ที่ไม่เคยถูกไฟไหม้ หรือระเบิด มันตั้งอยู่อย่างนี้มาเนิ่มนาน ผ่านกาลเวลา เป็นสมบัติของญี่ปุ่น และหนึ่งในปราสาทเพียงไม่กี่หลังที่ยังยืนหยัดอยู่ได้แบบแท้ๆ
เห็นเล็กๆ แบบนี้ แต่กว่าจะเดินผ่านป้อมปราการต่างๆ เข้าไปได้ ไม่ใช่สบายๆ ครับ มีบันไดให้ก้าวขึ้นไปเพียบ นี่มาได้ครึ่งทางยังไม่ถึงสักที
มองออกไปจากด้านในของป้อมปราการ ข้างในปราสาทเป็นของเดิมทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เหลือแต่พื้นไม้ เป็นไม้แผ่นใหญ่ๆ ส่วนบันไดข้างในนั้นชัดสุดๆ เพื่อกันการบุกรุก ให้เข้ามาได้ลำบากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คนอยู่ก็ลำบากไปด้วยนะครับนี่
วิวจากยอดบนสุดของปราสาท จะเห็นว่าเมือง Kochi มีภูเขาโอบล้อมเอาไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านเป็นทะเล ซึ่งวันรุ่งขึ้นเขาจะพาไปชม
ผมขึ้นไปยืนรับลมเย็นๆ สักพัก เดินดูโน่นดูนี่ แล้วก็เดินกันกลับลงมา นี่คือภาพที่ผมหันหลังกลับไปดูอีกทีก่อนจะกลับ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกหลายครั้งเลยทีเดียว จนผมบอกเพื่อนผมว่านี่อาจจะเป็นบ้านที่สองของผมก็ได้
ใกล้ๆ กับปราสาท เป็นที่ตั้งของตลาด Hirome เป็นแหล่งกินและพบปะสังสรรค์ขึ้นชื่อของคนแถวนี้ เขามีทีเด็ดคือ Katsuo no takaki ซึ่งก็คือปลาโอนำมาลนไฟ ให้ข้างนอกสุก ข้างในดิบ แล้วทานกับหอมซอย โรยเกลือจากทะเล Kochi รสปลาสุกนอกกลิ่นไหม้นิดๆ บวกกับดิบในแสนละมุนลอ้น มาเจอความจี๊ดของยูซุ(เลม่อน) แกล้มกลิ่นต้นหอมซอยกระเทียมสด แล้วต่อด้วยความเค็มของเกลือท้องถิ่นแล้ว ช่างลงตัวระดับอุมามิกันเลยทีเดียว ในภาพจะเห็นคนต่อแถว เขาต่อแถวเพื่อสิ่งนี่แหละครับ แต่ผมจะเอาภาพมาให้ชมตอนมื้อค่ำแทนนะครับ เพราะไม่ได้ทานตอนนี้ เนื่องจากเพิ่งซุชิกันมาหลัดๆ
เขามีอาหารทะเลมากมายให้เลือกทาน แต่ยังไม่หิว เลยได้แต่เก็บภาพมา
อีกมุมหนึ่งของตลาดฮิโระเมะ ทีเด็ดของ Kochi ที่ถ้าคุณมาต้องมาให้ได้นะครับ มันชิลแบบดั้งเดิมดีจริงๆ
ดูราคาครับ นี่ของสด ของญี่ปุ่น แต่ราคาดีมากๆ ถ้าส่งไปบ้านเรา นอกจากจะไม่สดเท่าแล้ว ราคาแบบนี้หาไม่ได้ครับ ที่สำคัญอารมณ์แบบนี้ก็หาไม่ได้ อารมณ์เดินๆ แล้วหยิบนู่นหยิบนี้มากิน ในราคาฮาเฮ
บรรยากาศในฮิโระเมะ คนไม่มากนัก เพราะเลยเวลาทานอาหารไปแล้ว จะมามากอีกทีก็ตอนมื้อเย็น แต่ที่นี่ไม่เปิดดึก แค่สามสี่ทุ่มก็ปิดกันแล้ว ตอนผมกลับมาอีกที เคยลองเดินมาตอนดึกๆ หมายจะมานั่งจิบเบียร์ ปรากฏว่าเขาปิดกันหมดแล้ว เลยต้องกลับไปห้องใครห้องมัน กดตู้ดื่มกันสบายใจ
แผนที่เมือง Kochi เมืองนี้เดินสบายครับ ไม่ใหญ่นัก ถ้าที่เที่ยวในเมืองนี่ผมเดินเท้ามาหมดแล้ว แต่หากจะให้เด็ด ต้องมาเดือนสิงหา ตอนช่วงที่เขามีเทศกาล Yosakoi ครับ คนทั่วสารทิศจะมารวมตัวกันมืดฟ้ามัวดิน เพื่อแข่งเต้นเป็นทีมไปทั้งเมือง ผมเคยมาแล้ว สนุกดี แต่ร้อนชมัดเลยครับ (เดี๋ยวจะเอามาเล่าให้ฟังอีกที เพลินเลยครับทริปนั้น)
จากนั้นได้เวลาทำงาน Kyas พาผมกลับมาที่โรงเรียนดนตรี นอกจากจะเป็นศิลปินออกผลงานตระเวณคอนเสิร์ตแล้ว เขายังเป็นครูสอนอูคูเลเล่มือหนึ่งของที่นั่นอีกด้วย ด้วยดีกรีรางวัลจ้าวเทคนิคจากการประกวดชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เขามีลูกศิษย์ในเวลาเดียวกันทั้งหมด 150 คน เยอะไหมล่ะครับ นักเรียนเขาจะเรียนกันแปลกกว่าเรา นั่นคือเจอกันเดือนละครั้งก็มี สองอาทิตย์ครั้งก็มี ทุกอาทิตย์ก็มี ตามแต่จะสะดวก แต่รวมๆ แล้ว เขาสับหว่างอย่างไรไม่รู้ นักเรียนเยอะจริงๆ นอกจากจะสอนอูคูเลเล่แล้ว ยังสอนกีตาร์ และ Sanshin เครื่องดนตรี Okinawa อีกด้วยครับ
เขาพาชมทั่วโรงเรียนจนได้เวลาสอน ผมก็มีเวลาเดินเล่น อ้อลืมบอกไปว่าโรงเรียนเขาตั้งอยู่ในห้าง Aeon ซึ่งชาวไทยที่ชอบไปช็อปญี่ปุ่น จะทราบดีว่ามันครบเครื่องระดับหนึ่งเลยทีเดียว เดินเล่นได้ไม่เบื่อ ร้านต่างๆ เพียบ
ได้เวลาอาหารเย็น คราวนี้เราจะมาทาน Katsuo no tataki ของจริงกันสักที โดยเราเลือกไปทานที่ร้านแนว Izakaya กินดื่ม ไม่เน้นจุก แต่เอาแบบคุยกันสนุกสนาน
มาแล้วครับ Katsuo no tataki โซลฟู๊ดของ Kochi จานเด็ดที่ใครมาแล้วไม่ได้กล้วมเข้าปาก ถือว่ามาไม่ถึง Kochi ครับ
มาแบบ maki ก็ได้ ยังคงสอดไส้ด้วย Katsuo เช่นเคยครับ
ทานกันแบบที่เขาทานทุกวัน ต้องทานแบบนี้ครับ ปลาชิชาโมะ บีบเลม่อนแล้วทานแบบรวดเดียวทั้งตัว อร่อยอย่าบอกใคร นี่ถ้ามีข้าวมาด้วย ผมจะฟินเฟว่อกว่านี้ แต่เขาไม่ทานข้าวกัน ผมเลยต้องทำตามธรรมเนียม เพราะข้าวนี้มีไว้เติมท้องให้อิ่ม นี่เขามีกับให้ตรึมเลย จึงไม่มีการสั่งข้าวมา ยกเว้นกับหมดแล้วยังหิว จึงจะถึงเวลารีเควสข้าว
อีกเวอร์ชั่นของ Katsuo no tataki
อันนี้ยากิโซบะ แน่นอนรสชาดไม่เหมือนของไทย แต่เหมือนของญี่ปุ่นที่ไทยนะครับ
อาหารท้องถิ่นทยอยออกมากันเรื่อยๆ ยิ่งมาก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องสั่งข้าว เพราะท้องกำลังจะเต็มเร็วๆ นี้แล้ว
ผมชอบจริงๆ อาหารเขามาทีละนิด แต่ถ้าเอาเข้าจริง ก็พอทำให้อิ่มอยู่เหมือนกัน นี่คงเป็นสาเหตุให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาว เขาทานปลาเยอะ และทานทีละไม่มาก ทานเพื่ออยู่ มากกว่าทานตะบี้ตะบันทานไปไร้ลิมิต
เช้าวันต่อมา Kyas ขับรถพาผมมาที่นี่ แหมอย่างกับเป็นคู่รัก แต่ไม่ใช่นะครับ เราแค่เพื่อนที่ดี 555
ที่นี่ที่ไหนผมยังไม่บอก แต่ที่นี่มีสนามสู้หมาด้วยครับ ในภาพคือสุนัขพันธุ์โทสะ จัดว่าเป็นหมาใหญ่โหดของที่นี่ สายพันธุ์มันน่าจะพัฒนามาจาก mastiff แน่ๆ ครับ เพราะเหมือนกันเลย ส่วนชื่อนั้น เดิมทีละแวก Kochi นี้ เขาเคยมีชื่อเรียกว่าโทสะ แต่มาเปลี่ยนเป็น Kochi ตอนหลัง นั่นแปลว่าหมาโทสะ จริงๆ ก็คือหมา Kochi นี่แหละครับ
ที่นี่คืออีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของ Kochi ชื่อ Katsurahama หาดทรายเทาริมหน้าผา ที่ๆ คนรักกันมักจะชวนกันมาเดต (เพื่อนบอก) มีทางเดินชมวิวทั้งขึ้นเขา เลียบทะเล บรรยากาศเย็นสบายมาก
ชายหาดที่นี่สีออกดำๆ เทาๆ ซึ่งเขาไม่ห้ลงเล่น เพราะคลื่นลมแรงมากๆ
พอไม่ให้เล่นน้ำบริเวณนี้ เราก็เลยได้ภาพสวยๆ แบบนี้มา ผมไม่แน่ใจว่าหน้าร้อน จะสามารถเล่นหาดนี้ได้ไหม
ผมชวนให้เขาเอาอูคูเลเล่ aNueNue มาถ่ายคลิ๊ปริมทะเล พี่แกก็อุตส่าห์แบกมาด้วย แต่อูคูเลลเ่มันเบาๆ เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบนี้อยู่แล้วแหละครับ
ทางเดินพาไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ
พอขึ้นไปสุด มองลงมาก็จะพบกับความงดงามของธรรมชาติบวกผลงานมนุษย์แบบมีศิลปะ เดี๋ยวมาต่อกันตอนสองครับ สำหรับตอนที่หนึ่งขอจบลงที่ Katsurahama ตรงนี้ก่อน ตอนหน้ายังไม่ไปไหน เขามี aquarium เล็กๆ น่าสนใจอยู่ที่นี่ด้วย :)