top of page

NAMM Show 2016 Day 0

สำหรับคนที่ไม่คุ้นชื่อ NAMM ผมจะเล่าคร่าวๆให้ฟังในย่อหน้านี้ มันย่อมาจาก National Association of Music Merchants หรือสมาคมผู้ค้าดนตรีแห่งชาติ ของอเมริกา ซึ่ง ณ ปัจจุบัน มันคือแห่งโลกไปแล้ว เพราะในแต่ละปี จะมีผู้เข้าร่วมงานเฉียดแสนคน ประกอบด้วยผู้ผลิตเครื่องดนตรี ผู้จัดจำหน่าย และศิลปินที่เกี่ยวข้องจะมารวมตัวกัน โดยผู้ผลิตก็จะเอาของมาแสดง ผู้จัดจำหน่ายก็มาเลือกของไปขาย ศิลปินก็มาแสดงฝีมือภายใต้แบรนด์ที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ จะมีเฉพาะผู้เกี่ยวข้องระดับเอาจริงเท่านั้น เพราะงานนี้คนทั่วไปเข้าไม่ได้ ต้องเป็นสมาชิกของ NAMM ก่อน งานนี้ตั้งแต่เด็กๆ ผมได้แต่อ่านรายงานเกี่ยวกับมันผ่านนิตยสารดนตรี ไม่เคยคิดว่าสักวันจะได้มางานนี้เอง มาแบบเป็นกิจวัตรไปซะแล้ว และที่สำคัญ นอกจากจะมาเลือกอูคูเลเล่ไปจัดจำหน่ายที่ไทยแล้ว ผมนี่แหละเป็นคนรายงานบรรยากาศงานไปลงนิตยสารดนตรีที่ไทย โดยคิดว่าจะได้ลงที่ The Guitar Mag ไม่เล่ม ก.พ. ก็ มี.ค. ครับ

สำหรับครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 5 แล้วสำหรับผม จากครั้งแรกๆ ที่ขอบัตรเขามา จนมาตั้งแต่ครั้งที่สาม ที่ผมมาภายใต้ชื่อตัวเอง การจะเป็นสมาชิกก็ไม่ยากมาก แค่สมัครเข้าไป แล้วแสดงหลักฐานว่าเราเป็นบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องดนตรีที่มีตัวตนจริง ให้เขาไปเช็คกับคู่ค้าที่เป็นสมาชิกอีกสองราย และเสียค่าสมาชิกรายปี แค่นี้ก็ได้แล้วครับ พูดมันง่าย แต่ถ้าแบรนด์ที่ขายเป็นของสั่วๆ เขาก็คงสืบสาวไปไม่ถึงต้นสาย และแม้ถึงจะไปถึงก็คงไม่มีดีกรีพอที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกถึงแดนดินอเมริกานี้ สรุปคือเราก็ขุนกิจการเราให้มีชื่อและมีแบรนด์ดีๆ ระดับหนึ่ง ก็จะมาเป็นสมาชิกได้ ผมคิดอย่างนั้นนะครับ คราวนี้จะมาทำไมล่ะ ในเมื่ออินเตอร์เน็ตมันก็มี ถ้ามีเงิน ก็สั่งของได้ จะมาทำไม? คำถามมีมากมาย และคำตอบก็สรุปได้ง่ายๆ ว่าไม่ต้องมาก็ได้ แต่สำหรับผม ผมไม่ได้คิดแค่เรื่องซื้อๆ ขายๆ ผมคิดเรื่องความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญเหนือเงินตรา ผมมีความเชื่อว่าถ้าจะทำธุรกิจกัน เราต้องรู้จักเขาแบบถึงตัว ไม่ใช่ให้ตัวหนังสือคุยกัน มาที่นี่ผมได้ทานข้าวกับผู้ผลิตและศิลปิน ได้พูดคุย สนุกสนาน ได้กระชับไมตรีไปอีกเลเวล อีกทั้งทีมงานที่ผมพามาด้วย ก็ได้ประสบการณ์และมิตรภาพเช่นกัน เพื่อการทำงานให้ด้านนี้ที่ดีกว่า มันทำให้เขาเห็นเราเป็นเพื่อน ไม่ใช่คู่ค้า ส่วนผมก็รักแบรนด์ทุกแบรนด์ที่ผมคลุกคลีกับเจ้าของ เหมือนเป็นเพื่อน เป็นครอบครัวกัน ทำให้เวลาขายก็ขายเหมือนเป็นแบรนด์ในหัวใจ ไม่ใช่ขายแค่จะให้ได้เงินมา

เกริ่นมามากมาเล่าเรื่องทริปกันดีกว่าครับ ทริปนี้ผมมากันสองคน แปลกหน่อยที่ไม่ได้มากับทีมงาน แต่มากับ อภิรักษ์ ศิลปินอูคูเลเล่ของไทย ที่ดังไกลถึงต่างแดน เนื่องจากปีนี้อูคูเลเล่ของสำนัก Kamaka มีอายุครบ 100 ปี เขาจึงมีงานใหญ่จัดหนักระดับแขกเป็นพันคน ในช่วงงาน NAMM นี้ด้วย เพื่อให้ทุกคนได้มา เพราะผู้เกี่ยวข้องส่วนมากก็มากันอยู่แล้วในช่วงนี้ และ อภิรักษ์ ก็จะได้ไปเล่นที่บู๊ท Kamaka พร้อมร่วมงานครบรอบ 100 ปีนี้ด้วย ที่สำคัญเพลงของเขาก็จะไปอยู่ในซีดีครบ 100 ปี ที่จัดเป็นซีดีประวัติศาสตร์ของโลกอูคูเลเล่เลยก็ว่าได้ครับ เพราะรวมศิลปินระดับแนวหน้าของ Kamaka เอาไว้ในแผ่นเดียว

คราวนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน EVA ไปหยุดเปลี่ยนเครื่งที่ไต้หวัน จากนั้นบินอีกเกือบ 11 ชม. สู่ Los Angeles วันนี้เมื่อมาถึงโรงแรม ก็เป็นเวลาเย็น ฟ้ามืดซะแล้ว เราเลยเดินไป Downtown Disney ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลโรงแรม ที่นี่เขาจะมีร้านอาหาร แลัร้านขายของมากมาย ผมมาเพื่อดูสินค้า Star Wars แล้วก็เจอจริงๆ เยอะด้วย ราคาดีด้วย แต่บางอย่าง เช่นฟิกเกอร์ตัวเขื่อง ไม่สามารถเอากลับมาได้ เพราะมันใหญ่เกินไป

หลังเดินช็อปเล่นๆ กันแล้ว เราก็เดินไประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อไปร้าน IHOP International House of Pancake กัน ร้านนี้ผมชอบมาก เขาขายอาหารเช้ากันทั้งวัน มาตอนไหนก็สั่ง ไข่ดาว แพนเค้ก และสเต็ก ลองชมภาพแล้วดูขนาดอาหารครับ กินหมดก็จุกสิครับ แต่ยังกลับโรงแรมไม่ได้ เพราะเวลา 4 ทุ่ม Kalei Gamiao เพื่อนผม จะมีการแสดงขึ้น

ทานเสร็จเกือบ 4 ทุ่ม เราเลยข้ามถนนไปยังโรงแรม Sheraton ทันชมการแสดงพอดี แต่นี้ไม่ใช่โชว์ใหญ่ เป็นแค่การแสดงเรียกน้ำย่อย ถ้าอยากดูแบบเต็มๆ ต้องไปดูที่งานครบรอบ 100 ปี Kamaka ที่จัจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ หลังจากดูโชว์แล้ว พวกผมขอตัวกลับก่อน แต่ก็แวะร้านสะดวกซื้อ สอยขนมและเครื่องดื่มมานักละเลียดกันอยู่นี่ ตอนนี้ผมชักง่วงแล้ว จะขอไปนอน แล้วพรุ่งนี้จบวันหากทำได้ จะมาเล่าว่า NAMM วันแรกเป็นอย่างไร


Follow Us
  • Twitter Basic Black
  • Facebook Basic Black
  • Google+ Basic Black
Recent Posts
bottom of page