top of page

NAMM Show 2016 Day 1


วันนี้เริ่ม NAMM Show 2016 วันแรก สิ่งที่ผมซึ่งเป็น Buyer ทำคือตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะไปถึงโรงแรม Hilton Anaheim ให้ทัน 8 โมงเช้า เพื่อร่วม Breakfast of Champions กิจกรรมที่ผมไม่เคยพลาดทุกเช้าวันแนกที่มางานนี้ เพราะนอกจากเขาจะมีอาหารบริการแบบบุฟเฟท์ฟรีแล้ว ยังมีการเชิญบุคคลสำคัญในวงการดนตรีมาพูดให้ฟังอีกด้วย ผมมาทีไรผมก็ได้อะไรใหม่ๆ กลับไปทุกที เพราะมุมมอง เรื่องราว และวิสัยทัศน์ของคนที่ประสบความสำเร็จ มันน่ารับรู้จะตายไป และเช้านี้ก็เหมือนทุกครั้ง ที่แถวมันยาวเหยียดคดไปคดมาจนวนรอบฟลอร์ของโรงแรมกว้างๆ นี้ แต่แม้คนจะมากมายแต่แถวก็เคลื่นไปเรื่อยๆ แบบอารยชน ไม่มีแซงกัน ไม่นานก็ถึงอาหาร พอตักอาหารเสร็จ ก็ไปหาที่นั่ง ผมก็จะได้ที่หนั่งหลังๆ ตรงเก้าอี้เสริมแบบไม่มีโต๊ะทุกที จานวางไว้ที่ตัก น้ำวางที่พื้น ต้องระวังหกให้ดีทีเดียวครับ แต่นี่ผมตื่น 6:30 เช้าแล้วนะ ให้เช้ากว่านี้คงไม่ไหว

สำหรับวันนี้มีเซอร์ไพรส์ผมเอง เพราะผมไม่รู้หรอกว่าศิลปินที่จะมาเล่นเปิดงานคือ Jake Shimabukuro ตอนเงาตะคุ่มๆ เดินออกมา ผมยังคุยกับอภิรักษ์เลย ว่านั่นใครมากับอูคูเลเล่หว่า และพอไฟเปิดฉายออกไป ก็พบว่านี่มันสุดยอดฮีโร่อูคูเลลเ่อันดับหนึ่งตลอดการ Jake Shimabukuro นี่เอง วันนี้เขามาพร้อมมือเบส แถมใส่เสื้อฮาวายที่เขาไม่ค่อยยอมใส่ในระยะหลังนี้อีกด้วย นี่น่าจะเป็นการเฉลิมฉลองของ Kamaka อูคูเลเล่ที่เขาใช้ ที่ปีนี้มีอายุครบ 100 ปีแล้ว ทาง NAMM Show ได้ให้เกียรตินำศิลปินอูคูเลเล่ก้นกุฏิ Kamaka มาเปิดงานเลย แค่นั้นยังไม่พอ เขาสัมภาษณ์ต่อด้วย เพรคคลอูคูเลเล่ที่มีส่วนทำให้อูคูเลเล่กลับมาเป็นที่นิยมใหม่ในยุคนี้ และเขายังเป็นศิลปินอูคูเลเล่ที่มีทัวร์รอบโลก ค่าตัวเกือบล้าน และแสดงเกือบทุกวัน เป็นแรงบันดาลใจให้คนอูคูเลเล่มากมาย หลังจากสัมภาษณ์ Jake เกี่ยวกับชีวิตและทัศนคติของเขาแล้ว ก็มี CEO ของ Hal Leonard, Fender และ Full Compast ซึ่งล้วนอยู่แถวหน้าของวงการดนตรีทั้งสิ้น ตามด้วยศิลปินกีตาร์สาวที่ออกแบบกีตาร์กับ Earnie Ball ตัวล่าสุด พอคนนี้จบผมก็ต้องรีบเดินไปเข้างาน ไม่ได้ดูจนจบ เพราะศึกชิงอูคูเลเล่ได้เริ่มขึ้นแล้ว

พวกผมรีบเดินไปที่ชั้นใต้ดินของ Hall E ที่มีบู๊ทอูคูเลเล่แบรนด์หลักๆ ตั้งอยู่ ผมจะต้องรีบไปเพื่อเลือกของที่มีแค่ตัวเดียว ประเภท custom made ให้ลูกค้า ซึ่งศึกสงครามนี้ผมเป็นรองมากๆ เพราะบางคนเขามาเปิดบู๊ทอยู่ข้างในก่อนแล้ว ก็ได้เข้าถึงของก่อน ตัดสินใจก่อน และแน่นอนสอยก่อน คราวนี้ผมตรงดิ่งมายังบู๊ทของ Kamaka ที่ครบรอบ 100 ปีก่อนอื่น เพราะกะจะสอยตัวไหนสักตัวก็ได้กลับไทย ทุกรุ่นที่ทำออกมาในปีนี้ จะแตกต่างจากปกติเพราะทั้งฉลากและโลโก้ที่หัวอูคูเลเล่ จะใช้เป็นเวอร์ชั่นฉลอง 100 ปี ซึ่งเป็นตราแตกต่างออกไปจากปกติ ไม่ต้องห่วงเลยว่าอูคูเลเล่ที่ผลิตมาในปีนี้ทั้งหมด จะฮ็อตแค่ไหน มันฮ็อตสุดๆ แน่นอน เพราะมันจะกลายเป็นของหายากในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย ปีหนึ่ง

ทำได้แค่ 3000 กว่าตัวเท่านั้น ขายทั่วโลก มาไทยไม่น่าจะถึง 30 ตัวด้วยซ้ำไป ปรากฎพอมาถึงบู๊ท Kamaka ก็ได้ทราบข่าวร้ยว่า เขาจะเอากลับหมดเลย ไม่ขายตัวไหนให้ใครสักคน เนื่องจากเขายังทำฉลากไม่สมบูรณ์ ส่วนตัวที่พิเศษเข้าไปอีก ที่เขาทำเป็นรุ่นฉลองร้อยปีก็ยังไม่เสร็จดี และยังไม่ทราบวันเริ่มรับออร์เดอร์ แต่เขาบอกเลยว่า ทำเท่าที่ทำได้ในปีนั้น และใครมาก่อนได้ก่อน ไม่มีจอง ไม่มีเส้น ตรงไปตรงมากันเลยทีเดียว

เมื่อรู้ว่าไม่ได้ก็ต้องไปต่อ ผมรีบวกไปบู๊ทค่ายญี่ปุ่นข้างหลัง Takumi ปรากฏว่าตัวที่ผมล็อคไว้ยังมาไม่ถึง เพราะคนทำวันนี้ไม่อยากมา เลยจะนำของมาพร้อมมาอยู่ที่บู๊ทในวันพรุ่งนี้(มั๊ง) แต่เหลือบไปเห็นอูคูเลเล่หายากของญี่ปุ่นแบรนด์ Naturel ที่ผมมีอยู่ตัวหนึ่ง สั่งยากมาก รอนานมาก และเสียงก็ดีมากเช่นกัน ตอนผมรอ ผมรอสองปี ส่วนตัวที่เจอวันนี้มันเหมือนของผมมาก แต่ต่างสีและมีลายเต่าเพิ่มมา ผมคิดว่าผมต้องเอา แต่ปรากฏว่าตัวนี้โดนฉกไปก่อนหน้าแล้วครับ

จากนั้นผมก็แจ้นมาที่บู๊ท Ko'olau ค่ายอูคูเลเล่จากฮาวาย ที่เดี๋ยวนี้เน้นสร้างแบบคัสตอมล้วนๆ ของไม่ค่อยมี ผมล็อกไว้แล้วตัวหนึ่งเลยใจเย็น มาถึงก็ดันเจออีกตัวที่ไม่ได้สนใจมันมาก่อน แต่ดันเจ๋ง เสียงดี หน้าตาดี และที่สำคัญเป็นแบบพิเศษ คือตัวบาง ที่เขาไม่ค่อยสร้าง แถมมีหลายตำแหน่งที่พิเศษ แต่ผมไม่มาเล่ากลัวคนอ่านงงนะครับ สรุปคือมันดีงามมากจริง จนต้องหาทางให้มันกลับมาไทยกับเราให้ได้ครับ

ต่อจากบู๊ท Ko'olau ไปที่ Kanile'a ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสุดยอดอูคูเลเล่ฮาวายเช่นกัน อย่างที่ผมเคยบอกไว้ในตอนที่แล้ว ว่าอูคูเลเล่หรือเครื่องดนตรีจริงๆ สั่งซื้อทางอีเมล์ก็ได้ ไม่ต้องมา แต่ไอ้พวกที่ผมเล่ามานี้ มันต้องมา ต้องมาหยิบไปเอง มาแย่งกันไป เพราะมันล้วนมีกันแค่ตัวเดียว จัดเป็นของล้ำค่าในวงการ และเมื่อผมมาถึงบู๊ท Kanile'a ก็พบว่าตัวเด็ดทั้งสองของเขา มีคนสอยไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้แต่ถ่ายรูปแล้วค่อยสั่ง นานๆ กว่าจะได้

พอจบการเสาะหาของ ผมตรงไปบู๊ท Blackbird ค่ายนี้เขาผลิตทั้งกีตาร์และอูคูเลเล่ด้วย Fiber Carbon ทนทาน เบา เราเสียงดี แต่ราคาไม่เบาแต่คุ้มคุณค่าครับ ที่บู๊ทนี้ผมนัดไว้ว่าจะให้ อภิรักษ์ มาเล่น ซึ่งเขาก็อยากหาคนเล่นเพลงสบายๆ มาเล่นพอดี ปีนี้บู๊ทนี้มีโปรดักใหม่เป็นอูคูเลเล่ที่ผลิตด้วย E-koa วัสดุที่มองดูคล้ายไม้เก่า แต่จริงๆ มันคือใยไฟเบอร์นี่เอง อภิรักษ์เล่นไป ก็มีคนมาถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอกันหอมปากหอมคอ ส่วนคนเล่นยิ้มอย่างมีความสุข ก็เข้าท่าดีครับแบบนี้

จากนั้นเราออกเดินดูของทั่วชั้นใต้ดิน เจอเพื่อนในวงการหลายคน จากหลากประเทศไปตลอดทาง ผมต้องเดินหาข้อมูลไปใช้ในส่วนที่ผมจะเขียนรายงานการมา NAMM ในปีนี้ลงนิตยสาร ซึ่งสิ่งที่หามาได้ในวันแรกผมก็คิดว่าเพียงพอแล้ว ของน่าสนใจเพียบ น่าจะอัดลงทั้งตอนไม่พอ แต่เดี๋ยวลองดู

ที่ผมไม่สามารถจะพลาดได้ทั้งๆ ที่ผมไม่เกี่ยวข้องเลย คือการไปชมกีตาร์จากค่ายใหญ่ๆ ตามภาพข้างบนนั่นแหละครับ จริงๆ มีอีกเยอะมาก แต่ผมง่วงมากแล้วตอนนี้ พิมพ์ไม่ไหว เมื่องานเลิก ผมมีนัดทานข้าวกับคู่ค้าที่นี่ เราไปร้านอาหารจีนกัน ทานอย่างเอร็ดอร่อย คุยกันจนสามทุ่ม แล้วเขาก็พามาส่งที่โรงแรม พรุ่งนี้แพลนจะทำอะไรนึกไม่ออกเนื่องจากความง่วง เอาไว้มาเล่านะครับท่าน zzzzzzzzzzzzzzz


Follow Us
  • Twitter Basic Black
  • Facebook Basic Black
  • Google+ Basic Black
Recent Posts
bottom of page